Road Trip - หนีเมืองกรุง เที่ยวเมืองเหนือ ตอนที่ 1

สิ่งหนึ่งที่อยากจะทำมานานแล้วคือการท่องเที่ยวด้วยการขับรถไปเอง ความท้าทายไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่เราจะไป หากแต่เป็นเส้นทางที่เราจะใช้และสถานที่อื่นๆ ระหว่างการเดินทางที่ต้องนึกถึง 

เมื่อมีโอกาสที่จะต้องเดินทางไปภาคเหนือความตื่นเต้นที่จะได้ทำสิ่งที่นึกฝันไว้ก็แทรกเข้ามา การวางแผนที่จะท่องเที่ยวระหว่างการเดินทางว่าจะไปตรงไหนและอย่างไรบ้าง ซึ่งจุดหมายของการเดินทางครั้งนี้คือการเดินทางจากกรุงเทพมหานครมุ่งสู่เชียงใหม่ และแน่นอนว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่ใช่การเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าตรงสู่เชียงใหม่อย่างแน่นอน

วันแรกของการเดินทาง 

เช้าวันที่ 5 มกราคม 2559 เริ่มออกเดินทางขับรถออกจากกรุงเทพมหานครใช้เส้นทางพหลโยธินวิ่งไปทางพระนครศรีอยุธยาโดยใช้เส้นทางสายเอเชีย (ทางหลวงหมายเลข 32) ซึ่งจะผ่านจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท เดิมทีตั้งใจจะแวะอ่างทองนมัสการองค์พระที่วัดม่วงจังหวัดอ่างทอง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจผ่านไปก่อน 

เมื่อขับรถมาถึงนครสวรรค์ก็เปลี่ยนเส้นทางไปใช้ถนนหมายเลข 117 ผ่านเมืองชาละวันจังหวัดพิจิตร มุ่งหน้าสู่พิษณุโลก จุดหมายแรกของการเดินทางครั้งนี้คือวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรวิหาร เพื่อไปนมัสการพระพุทธชินราชและพระพุทธชินสีห์ 


ความงามของพระพุทธชินราช (หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงพ่อใหญ่) และพระพุทธชินสีห์ช่างมีความงดงามสมกับเป็นพระคู่เมืองของชาวพิษณุโลก

พักทานอาหารกลางวันที่พิษณุโลกแบบง่ายๆ เป็นก๋วยเตี๋ยวไก่แถวๆ ถนนเอกาทศรถไม่ไกลจากวัดหลวงพ่อใหญ่มากนัก จากนั้นขับรถเดินทางต่อโดยใช้ทางหลวงหมายเลข 11 มุ่งหน้าออกไปทางอุตรดิตถ์และต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 101 มุ่งสู่จุดหมายถัดไปคือวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำเภอเด่นชัยจังหวัดแพร่

การเดินทางไม่เร่งรีบอะไร มีแวะพักหากาแฟเย็นๆ ดื่มระหว่างทางที่อุตรดิตถ์ ร้านกาแฟลำเป็นร้านแนวเก๋ๆ ตั้งอยู่ข้างทางก่อนเข้าเด่นชัย บรรยากาศในวันธรรมดาช่วงหลังเทศกาลปีใหม่แบบนี้ร้านดูเงียบสงบมาก หากอากาศเย็นสบายกว่านี้จะทำให้บรรยากาศของที่ร้านนี้ดีขึ้นมาก

วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 101 (เส้นเด่นชัย - ลำปาง) เป็นวัดที่สวยงามถูกสร้างโดยใช้สถาปัตยกรรมล้านนาแบบผสมผสาน จุดเด่นอยู่ที่องค์พระนอนองค์ใหญ่และซุ้มประตูด้านต่างๆ รวมถึงงานด้านพุทธศิลป์ของล้านนาจากช่างฝึมือชั้นยอดของภาคเหนือ

หลังจากชื่นชมความงามของพุทธศิลป์ จุดหมายถัดไปคือวัดพระธาตุช่อแฮ อำเภอเมืองแพร่ ใครมาเยือนจังหวัดแพร่แล้วไม่แวะนมัสการที่นี่อาจถือได้ว่าไม่ได้มาที่จังหวัดนี้ โดยเฉพาะคนที่เกิดปีขาล เพราะวัดพระธาตุช่อแฮเป็นวัดประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีขาลที่จะต้องมานมัสการเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเอง  วันที่ไปนมัสการองค์พระธาตุฯ เป็นช่วงที่มีการบูรณะซ่อมแซมวัดจึงทำให้ชมความงามขององค์พระธาตุไม่สะดวกนัก

ปิดการเดินทางของวันแรกที่จังหวัดแพร่ เข้าพักที่โรงแรมภูมิไทยการ์เด้น รวมระยะทางที่ขับรถจากกรุงเทพฯ ประมาณ 580 กิโลเมตร แต่ยังก่อนถึงแม้จะปิดการเดินทางวันแรงที่แพร่ เรายังคงมีต้องชมเมืองแพร่ดูวิถีชาวบ้านที่นี่ ถึงแม้จะเป็นตัวอำเภอเมืองบวกกับเป็นคืนวันธรรมดาระหว่างสัปดาห์ด้วย ทำให้ตลาดโต้รุ่งในเมืองก็ดูเงียบเหวา มีคนออกมาทานอาหารเดินเล่นกันน้อยมากๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กวัยรุ่นที่ออกมาพบปะ นัดเพื่อนคุยเล่นกินขนมกัน ไม่คึกคักเหมือนเมืองใหญ่ๆ


ส่วนที่เป็นผู้ใหญ่หน่อยก็มีเข้าวัดสวดมนต์นั่งสมาธิเจริญภาวนากัน ตัวอย่างเช่นวัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหารที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองแพร่ ใกล้ๆ กับจวนผู้ว่าฯ เป็นอีกหนึ่งในวัดที่คนเมืองมาปฏิบัติธรรมในช่วงค่ำ ตัววัดมีความงดงามแม้จะเป็นช่วงเวลาค่ำคืน

บรรยากาศอื่นๆ ทั่วไปในเมืองแพร่ยามค่ำคืนถึงแม้จะเป็นช่วงหัวค่ำ ถ้าไม่ใช่บริเวณที่เป็นห้างค้าปลีกใหญ่ๆ ก็จะเงียบสงบมากๆ

สุดท้ายทริปวันแรกเป็นวัดไปซะหมดทุกที่เลย ไหว้พระทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ยังมีจุดหมายอื่นๆ อีกหลายแห่งที่รอการไปเยือนของการเดินทางของวันถัดๆ ไปก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางที่เชียงใหม่


Comments

Post a Comment