Review วิ่งทางเขียวข้ามจากสวนเบญจกิติไปสวนลุมพินี




เชื่อว่านักวิ่งหลายๆ คนคงเคยไปวิ่งที่สวนลุมพินีกับสวนเบญจกิติกัน และบางท่านอาจเคยไปวิ่งที่สองสวนมาแล้ว แล้วใครบ้างที่ไปวิ่งที่สวนทั้งสองแห่งพร้อมๆ กันในการวิ่งหนึ่งครั้ง
หลายคนคงอาจจะยังไม่รู้ว่ามีทางเชื่อมสวนทั้งสองแห่งโดยตัดตรงผ่านบริเวณโรงงานยาสูบและข้ามผ่านถนนอีกหลายเส้นเพื่อเชื่อมต่อสวนทั้งสองแห่งให้สามารถปั่นจักรยานหรือวิ่งจากสวนหนึ่งไปยังอีกสวนหนึ่งได้ เส้นทางเชื่อมที่ว่าก็คือสะพานลอยยกระดับหรือที่รู้จักกันว่า "ทางเขียว" นั่นเอง



เส้นทางวิ่งไปทางเขียวนั้น หากวิ่งจากสวนลุมพินีจะหาได้ไม่ยากนัก แต่หากฝั่งสวนเบญจกิติจะดูลึกลับนิดหน่อย คือเส้นทางเข้าไปทางเขียวนี้จะอยู่ที่มุมๆ หนึ่งติดด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสวน 

เมื่อครั้งแรกๆ ที่วิ่งจากสวนลุมฯ ไปถึงฝั่งสวนเบญฯ จุดนึงที่เจอก็คือจะเลี้ยวไปทางไหนดีถึงจะเข้าไปวิ่งวนในสวนเบญจกิติได้ หลังจากลองวิ่งตัดสนามเข้าไปวิ่งวนรอบๆ สระน้ำในสวนเบญฯ (ขอเรียกว่าทาง"วงรี" นะครับ) ก็พบเส้นทางที่จะวิ่งเข้าและออกจากสวนนี้เพื่อไปทางเขียว โดยหลักๆ มีสองจุด จุดแรกคือทางออกด้านมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ใกล้ๆ ประตูออกไปถนนรัชดาภิเษก โดยเมื่อวิ่งออกจากทาง "วงรี" แล้วให้เลี้ยวซ้ายวิ่งเลาะตามเส้นทางริมกำแพงไปจนถึงรั้วโรงงานยาสูบ จากนั้นมอกไปทางขวามือจะมีทางเล็กๆ เข้าไปทางเขียวได้ 

ส่วนอีกจุดหนึ่งคือทางออกด้านทิศตะวันตกเยื้องไปทางเหนือของทาง "วงรี" จะมีทางวิ่งออกไปแล้วเลี้ยวขวาผ่านอาคารหลังเล็กที่เป็นห้องน้ำ วิ่งตรงไปเรื่อยๆ จะเจอทางเข้าออกสู่ "ทางเขียว"

ทางออกจากทางวิ่ง "วงรี" ด้านขวามือ - มีเสาสีส้มเป็นจุดสังเกต
วิ่งตรงออกไป - ระวังจักรยานด้วยนะครับ



เลี้ยวขวาตรงอาคารห้องน้ำ ตรงขึ้นไปจะมีป้ายบอกไปสวนลุมพินี
รูปซ้ายทางเข้า "ทางเขียว" ฝั่งสวนเบญจกิติจะอยู่ติดกับรั้วโรงงานยาสูบ เป็นทางเล็กๆ วิ่งเข้าจนสุดแล้วเลี้ยวซ้ายจะเป็นทางเขียว
ปกติแล้วหากผมตัดสินใจจะวิ่งทั้งสองสวนในคราวเดียวกัน ผมมักจะวิ่งจากสวนลุมพินีข้ามไปฝั่งสวนเบญจกิติ แต่ในการรีวิวครั้งนี้แตกต่างออกไปคือผมเริ่มวิ่งจากฝั่งสวนเบญจกิตติข้ามมาวิ่งฝั่งสวนลุมพินีแล้วค่อยวนกลับไปวิ่งต่อที่ฝั่งสวนเบญจกิติ



ทางเดินและวิ่งที่สวนเบญฯ จะอยู่รอบใน ส่วยรอบนอกสำหรับนักปั่นจักรยาน ผมเริ่มวิ่งจากบริเวณด้านทิศใต้ของทางวิ่ง "วงรี" วนทวนเข็มนาฬิกาไปจนถึงทางออกด้านทิศตะวันตก เลี้ยวขวาผ่านห้องน้ำแล้วตรงออกไปหา "ทางเขียว" 



ทางขึ้นแรกอยู่ข้างหน้า เป็นด่านแรกจากสวนเบญฯ ชันแค่ไหนลองดูกัน

"ซ้าย" ตอนขึ้นชันแค่ไหนถามใจดู - "ขวา" มีขึ้นแล้วก็ต้องมีลง

วิ่งต่อนะครับ มีบันไดรอข้างหน้าอีกไม่ไกล

บันไดนี้นำไปสู่ทางยกระดับ วิ่งข้ามทางด่วนกันไปเลย

อย่างที่บอกในตอนแรกว่า "ทางเขียว" นั้นเป็นทางยกระดับข้ามผ่านถนนหลายเส้น หนึ่งในนั้นก็คือทางด่วน ใครเหนื่อยสามารถหยุดแวะชมวิว ดูรถแล่นไปมาบนทางด่วนได้ครับ

วิ่งข้ามทางด่วนกันไปเลย


เมื่อข้ามทางด่วนแล้วลงบันได้วิ่งกันยาวๆ ข้ามซอยเล็กๆ เพื่อไม่ให้เป็นเส้นทางที่น่าเบื่อเกินไปเลยมีทางยกเป็นเนินอีกนิดเพื่อให้ได้ออกแรงวิ่งขึ้นเนินกันขำๆ 

ข้ามทางด่วนแล้วก็ต้องลดระดับลง - ทางวิ่งอีกยาวๆ มีเนินเล็กๆ รออยู่ข้างหน้าโน่น


จากนั้นก็เป็นด่านสุดท้าย บันไดข้ามถนนวิทยุเพื่อข้ามไปสวนลุมฯ  เมื่อขึ้นบันไดวิ่งไปจนสุดแล้วเลี้ยวซ้าย ลงบันได 
สุดทางข้างหน้าเลี้ยวซ้ายวิ่งลงบันได

เมื่อลงบันไดแล้วให้วิ่งเลาะริมถนนโดยออกทางประตูด้านซ้ายมือแล้วเลี้ยวขวาวิ่งตรงไปเข้าประดูสวนลุมพินี

"ซ้าย" ลองหันกลับไปดูบันได้ที่ลงมาดูว่าชันแค่ไหน - ทางออกจากทางเขียวด้านซ้ายมือ ให้เลี้ยวขวาไปประตูสวนลุมฯ

จะวิ่งวนในนั้นกี่รอบก็สุดแต่ความปรารถนาของคุณ ส่วนขากลับข้ามไปสวนเบญฯ ก็ย้อนทางเดิมครับ บันไดไหนชันมากน้อยแค่ไหน ไล่ลำดับย้อนกลับไปตามข้างบนที่กล่าวมา

ผมสรุประยะให้คร่าวๆ แบบนี้ แล้วเลือกวิ่งได้ตามใจต้องการครับ
  • วิ่งวนสวนเบญฯ 1 รอบ ข้ามไปวิ่งสวนลุมฯ 1 รอบ แล้ววิ่งข้ามกลับมา ระยะทางรวมประมาณ 8.5 กิโลเมตร
  • วิ่งวนสวนเบญฯ 2 รอบ วิ่งข้ามไปวิ่งฝั่งสวนลุมฯ อีก 1 รอบแล้ววิ่งข้ามกลับมา - รวมได้ประมาณ 10 กิโลเมตร
  • วิ่งสวนเบญฯ 1 รอบ วิ่งสวนลุมฯ 2 รอบ รวมระยะวิ่งบน "ทางเขียว" ไปกลับ รวมได้ประมาณ 11 กิโลเมตร
  • วิ่งทั้งสองสวน ฝั่งละ 2 รอบ รวมระยะไปกลับบน "ทางเขียว" ได้ประมาณ 12.5 กิโลเมตร 
ทั้งนี้ระยะที่บอกข้างต้นเป็นแค่ประมาณคร่าวๆ นะครับ บวกลบอีกนิดหน่อย 


ใครยังไม่เคยลองเส้นทางนี้ ลองดูครับ จะได้พบความตื่นเต้นและความสนุก (หรือเปล่า) ในการวิ่ง

เอ้อ.. เกือบลืมไป "ทางเขียว" นี่เท่าที่เห็นมีเสาไฟส่องสว่าง แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะเปิดหรือไม่ และถ้าเปิด จะเปิดไฟส่องสว่างถึงกี่โมงอันนี้ไม่ทราบจริงๆ ทางที่ดีหากฟ้าเริ่มมืดแล้วไม่แนะนำนะครับ โดยเฉพาะคุณผู้หญิง แต่หากวิ่งไปกันเป็นกลุ่มหลายๆ คนก็คงไม่เป็นไร เกาะกลุ่มกันไว้

สุดท้ายนี้ก็ขอให้สนุกกับการวิ่งนะครับ








Comments